บาคาร่าออนไลน์ ฟรีเครดิต สมัครสมาชิกบาคาร่าออนไลน์มีทีมงานดูแลตลอด 24 ชม.

บาคาร่าออนไลน์ ฟรีเครดิต สมัครสมาชิก ทีมงานดูแลตลอด 24 ชม

ข่าวธุรกิจอัพเดท

“จินตนา” รีแบรนด์ใหญ่รอบ 65 ปี

นางสาวสาวิตรี ธนาลงกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จินตนาอินเตอร์เทรด จำกัด เผยว่า “ปัจจุบันดูแลองค์กรทั้งหมด ทั้งในส่วนของ OEM รับผลิตสินค้าให้แบรนด์ดังจากทั่วโลก

และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์จินตนารวมถึงสินค้าในเครือทั้งด้านการผลิต การตลาด การจัดจำหน่าย และบทบาทที่ต้องบริหารองค์กรที่มีพนักงานมากกว่าพันคน ตลอด 65 ปีที่ผ่านมาจินตนายังคงอยู่ในตลาดชุดชั้นในอย่างต่อเนื่อง เป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศไทย เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทำการตลาดอะไรหรือไม่ได้มีอะไรหวือหวามานานพอสมควร เราพอใจในเอกลักษณ์ของแบรนด์ และลูกค้าที่มี Royalty สูง รวมไปถึงที่ผ่านมาเรามีออเดอร์จากต่างประเทศค่อนข้างมาก ทำให้องค์กรโฟกัสไปที่การส่งออกส่วนใหญ่ แต่ส่วนตัวก็ยังอยากให้สินค้าของ จินตนา กลับมามีบทบาทมากขึ้น เรามองเห็นถึงความเป็นไปได้ในตลาด เราสามารถหาช่องทางเติบโตในสัดส่วนนี้ได้จากสิ่งที่เราถนัด รวมไปถึงฐานลูกค้าเก่าที่มีความเหนียวแน่น เราจึงอยากเติบโตกับช่องทางนี้มากขึ้น เป้าหมายของเราคือเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดโลกอย่างเข้มแข็งต่อไป องค์กรอยู่มายาวนานและยืนหนึ่งในด้านยอดขายชุดชั้นในมาโดยตลอด เพราะเราไม่ได้มองแค่ยอดขายสำหรับบริษัทเท่านั้น ณ วันที่คุณย่ากับคุณปู่สร้างจินตนามาได้เริ่มต้นจากความคิดที่มองลูกค้าเป็นเพื่อน และไม่เคยคิดว่าจะรู้ทุกอย่าง แต่พยายามเรียนรู้และแก้ไขตลอดเวลา อยากหาสินค้าที่ลูกค้าใส่แล้วดีกับเขาจริงๆ ตลอดมาจึงเกิดการพัฒนา ทุ่มเทตั้งใจแก้ปัญหาให้ตรงจุดมาโดยตลอด จนถึงการรีแบรนด์ใหญ่ครั้งนี้ร่วมกับการสำรวจตลาดอย่างจริงจังกว่า 2 ปี จึงได้บทสรุปสำคัญมา 2 เรื่อง คือ OSS และ Solution Bra”

OSS คือมาตรฐานของแบรนด์ที่ใช้ความใส่ใจตั้งแต่การสร้างแพตเทิร์น เลือกใช้วัสดุ กระบวนการตัดเย็บจากประสบการณ์จริงเพื่อให้ “เหมาะสมกับสรีระผู้หญิง” เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ หลีกเลี่ยงการผลิตชุดชั้นในในรูปแบบมาตรฐานที่ทำซ้ำกันไปหมด ส่งผลให้เกิดปัญหาใส่จริงได้ไม่ดี “Solution Bra” จึงกลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่เราตั้งใจตอบโจทย์ทุกความต้องการและสรีระที่แท้จริงของผู้หญิงที่มีความหลากหลาย คอลเลกชันพิเศษที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Solution Bra ของจินตนา ก็คือ Daily ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ใส่ได้อย่างสบายอกสบายใจได้ทั้งวันตลอดระยะเวลา 18 ชั่วโมง มีให้เลือกหลายสีหลายสไตล์ เนื้อผ้ามีความเย็นสบายไม่รัดแน่นเกินไปและมีให้เลือกหลายแบบทั้งในแบบเรียบเนียน, แบบลูกไม้, มีฟองน้ำสำหรับดันทรงสำหรับผู้หญิงทรงเล็ก ส่วนผู้หญิงทรงใหญ่อยู่แล้วจะใส่แล้วสบายเพราะไม่มีการดันทรง

ข่าวธุรกิจอัพเดท

สินค้าเน้นเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1. กลุ่มไม่มีโครง เน้นใส่สบาย 2. กลุ่มมีโครง เน้นดันทรงให้สวย และ 3. กลุ่มถอดสาย เป็นสินค้ามีโครง แต่สามารถถอดสายได้เพื่อแต่ละโอกาส ทั้งหมดเป็นชุดชั้นในแบบข้างลำตัวที่ออกมา 3 รุ่นที่แบ่งออกตามทรงของชุดชั้นใน โดยแบบที่หนึ่งเป็นแบบ Convertible (ครึ่งคัพ-ถอดใส่ได้) มีให้เลือก 3 สี แบบที่สองเป็นแบบไม่มีโครง (Non-Wire) โดยจุดเด่นอยู่ที่เต้าทรงเรียบเนียนแมตช์ได้กับชุดทุกสไตล์และสวมใส่ง่ายสบายได้ทุกวันเพราะไม่มีโครง รุ่นนี้มีสีให้เลือก 5 สีด้วยกัน ส่วนแบบที่ 3 เป็นรุ่น Contour (3/4 Cup) ที่มีจุดเด่นตรงที่เต้าทรงและข้างลำตัวเรียบเนียน สามารถแมตช์ได้กับทุกชุด มี 5 สี

การครบรอบ 65 ปี ของชุดชั้นใน “จินตนา” ด้วยแผนรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ครอบคลุมถึงการพัฒนาชุดชั้นในที่จะตอบโจทย์ทุกสรีระได้จริง พร้อมวางแผนบุกตลาดและเสริมกิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้ DNA ของจินตนามีภาพจำและได้การยอมรับในความเป็นตัวจริงของผู้ผลิตชุดชั้นในที่ดีที่สุด ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ และเป็นแบรนด์ชุดชั้นใน ชั้นนำ ของไทยตลอดมา ทั้งเป็นผู้นำการผลิตและส่งออก ซึ่งอยู่เบื้องหลังการผลิตชุดชั้นในให้กับแบรนด์ดังจากทั่วโลก สร้างเม็ดเงินหลักพันล้านเข้าประเทศตลอดมาอีกด้วยสำหรับชุดชั้นในแบรนด์ “จินตนา” ทางบริษัทก็ยังมียอดขายเพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจเติบโตได้มากกว่า 35% และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยการรีแบรนด์ครั้งนี้ทาง จินตนา มีความเห็นว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในในตลาดไทยมีสัดส่วนที่น่าสนใจ เราสามารถหาช่องทางเติบโตในสัดส่วนนี้ได้จากสิ่งที่เราถนัด รวมไปถึงฐานลูกค้าเก่าที่มีความเหนียวแน่น เราจึงอยากเติบโตกับช่องทางนี้มากขึ้น โดยรุกสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปซึ่งทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงเปลี่ยนไปเช่นกัน การปรับปรุงชุดชั้นในให้เข้ากับยุคสมัย และภาพลักษณ์แบรนด์ที่เข้าถึงง่ายด้วยราคาจับต้องได้ มีคุณภาพ มีมาตรฐาน

อ่านข่าวธุรกิจเพิ่มเติม >>> ยำยำ จีบ “โบกี้ไลอ้อน” เจาะกลุ่มพรีเมียม

ธุรกิจ

ยำยำ จีบ “โบกี้ไลอ้อน” เจาะกลุ่มพรีเมียม

ยำยำปรุงรสสุดจี๊ด ปัดฝุ่นทำตลาดครั้งใหญ่เจาะพรีเมียม อัด 70 ล้านบาทลุย พร้อมจีบ “โบกี้ไลอ้อน” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ปังธงรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 14%

นายยูจิ มิซุตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาพบว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 14% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยในจำนวนดังกล่าวยังแบ่งออกเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเส้นเหลือง 94% และแบบอื่นๆ อีก 6% ขณะที่ยำยำ มีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเส้นเหลือง หรือมีส่วนแบ่งตลาด 21.4% ในเชิงปริมาณ

ธุรกิจ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในภาพรวมของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดยังเติบโตต่อเนื่องในเชิงมูลค่า เป็นผลมาจากการปรับราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองจากเดิมปกติ 6 บาท เป็น 7 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มแมสยังคงทำยอดขายได้ดี จากราคาที่ตอบโจทย์ในภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียมก็เติบโตจากเทรนด์การบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่และรสชาติที่หลากหลาย

นายยูจิกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสถานการณ์ตลาดยังมีการแข่งขันสูง ทุกแบรนด์พยายามคว้าโอกาสในเซกเมนต์พรีเมียม ด้วยการเปิดตัวรสชาติที่หลากหลาย ด้วยรสชาติใหม่ และสร้าง “Brand Collabs” ซึ่งแนวโน้มตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วยโดยหันมาใส่ใจเทรนด์สุขภาพมากขึ้น

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> กระทิงแดงขึ้นราคา TCP ขอปรับแค่สูตรคลาสสิก จาก 10 บาท เป็น 12 บาท

กระทิงแดง

กระทิงแดงขึ้นราคา TCP ขอปรับแค่สูตรคลาสสิก จาก 10 บาท เป็น 12 บาท

TCP ขอขึ้นราคา “กระทิงแดง” สูตรคลาสสิก จาก 10 บาท เป็น 12 บาท เริ่ม 1 มี.ค. 66 ส่วนสูตรอื่นยังคงราคาเดิม

นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลบอล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า กระทิงแดงได้ตรึงราคาเครื่องดื่มในราคาเดิมให้นานที่สุด แต่จากสถานการณ์ต้นทุนการผลิตสินค้าที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงมีความจำเป็นต้องปรับราคาเฉพาะกระทิงแดงสูตรคลาสสิก จากราคา 10 บาท เป็นราคา 12 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 66

กระทิงแดง

 

ทั้งนี้ เราจะปรับราคาสินค้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด โดยกระทิงแดงในอีก 3 สูตรยังคงราคาเดิมไว้ที่ 10 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ปัจจุบันกระทิงแดง ขวดแก้ว มีให้เลือกทั้งหมด 4 สูตร ได้แก่ กระทิงแดง คลาสสิก, กระทิงแดง เอ็กซ์ตร้า เอบีซี (ฝาแดง), กระทิงแดง เอ็กซ์ตร้า ซิงค์ (ฝาดำ) และกระทิงแดง ทีโอเปล็กซ์-แอล (กระทิงแดงขวดเล็ก)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> BCP จับมือ JCCP เซ็นความร่วมมือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก้าวสู่ Net Zero

ธุรกิจ

BCP จับมือ JCCP เซ็นความร่วมมือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก้าวสู่ Net Zero

BCP จับมือ JCCP เซ็นความร่วมมือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก้าวสู่ Net Zero

ธุรกิจ

นายปฏิวัติ ทิวะศะศิธร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่น และ นางกัณฑมาศ กฤตยานุกูล รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) และ Mr. NAOKI TOMOTAKE Senior General Manager, Japan Cooperation Center for Petroleum and Sustainable Energy, (JCCP) ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ระหว่าง BCP กับ JCCP สำหรับโครงการ “Technical Collaboration for Operation Improvements in Bangchak Refinery” ซึ่งเป็นความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้พลังงาน รวมถึงการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ตามแผนงาน “BCP 316 net” ของกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อรองรับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2050

ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ Breakthrough Performance เน้นการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ลดการปลดปล่อยคาร์บอนฯ ลงได้ร้อยละ 30 โดยมี Mr. Shotaro Sano Commercial Attache จากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Mr.KAZUYOSHI KANEDA, Cosmo Oil Co., Ltd.เป็นสักขีพยาน นับเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัท บางจากฯ และ JCCP ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียมและธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน รวมถึงกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

ติดตามข่าวธุรกิจแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่ :  WEH ประกาศลุยเข้า SET ปี 67-68 มั่นใจเคลียร์มหากาพย์คดีพิพาทจบสิ้นปีหน้า

ข่าวธุรกิจ

WEH ประกาศลุยเข้า SET ปี 67-68 มั่นใจ

WEH ประกาศลุยเข้า SET ปี 67-68 มั่นใจเคลียร์มหากาพย์คดีพิพาทจบสิ้นปีหน้า

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดเป้าหมายการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 67-68 เนื่องจากมั่นใจว่าคดีพิพาททั้งหมดของบริษัทจะคลี่คลายลงภายในปลายปี 66 พร้อมกับการที่บริษัทเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการให้มีความเหมาะสม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้แล้วก็จะเข้าหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่อไปสำหรับข้อพิพาทต่างๆ ของบริษัทเป็นไปในทางบวก ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลหรืออนุญาโตตุลาการ โดยเฉพาะข้อพิพาทระหว่างครอบครัวของอดีตกรรมการบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น และกรณีการโอนหุ้นไปยัง Golden Music Limited (GML) ข้อพิพาทอยู่ในขั้นตอนของการนัดพิจารณาเพื่อกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาของกระบวนการพิจารณาคดีทั้งหมด โดยบริษัทคาดว่าข้อพิพาทดังกล่าวน่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในช่วงปลายปี 66

“สำหรับคดีต่างๆ ในวันนี้ที่ศาลสั่งให้ระงับเงินปันผลมีแค่กลุ่มเดียว คือ Golden Music ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้ง 5 ราย ก็มีการส่งจดหมายเข้ามาที่บริษัท ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน ถ้าจะมีการพิจารณาวาระต่างๆ จะได้ดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน”

ข่าวธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าข้อพิพาทดังกล่าวจะไม่กระทบโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โครงสร้างการบริหารและการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากการดำเนินกิจการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมภายหลังจากบริษัทในเครือต่าง ๆ ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงผู้รับจ้างดูแลบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการดังกล่าวได้ในลักษณะของการเป็นการดำเนินธุรกิจปกติ (Operation) ตามมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติที่ดีของการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนายณัฐพศิน เปิดเผยอีกว่า ในระหว่างนั้นบริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปี 68 เติบโตแตะ 15,000 ล้านบาท เป็นไปตามการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 1,500 เมกะวัตต์สำหรับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทเตรียมยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 9 โครงการ กำลังการผลิต 810 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหน่วยงานภาครัฐจะเปิดให้ยื่นประมูลได้ในช่วงปลายปี 65 โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานเข้ามาทั้งหมดนอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ไต้หวัน ยุโรปตะวันออก ราว 2-3 ประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในรายละเอียดภายในปี 66